Last Updated on 27/05/2021
อาทิตย์นี้มีหุ้น Fintech ชื่อ TIGR ของจีน มีชื่อเล่นว่าเป็น Robinhood เมืองจีน ประกาศรายได้โต 256% กำไรโต 2100% ดูผ่านๆอาจจะคิดว่าก็เป็นหุ้น Broker หุ้นธรรมดาตัวนึง แต่พอลองขุดลึกๆลงไปดูก็เจอว่าหุ้นตัวนี้แม่งโคตรน่าสนใจ
TIGR IPO เข้าตลาดมาในปี 2019 และมีการวิ่งขึ้นอย่างรุนแรงในช่วงต้นปีนี่เอง จากราคาแถวๆ 7.50 เหรียญ ว่างขึ้นไปพีคที่ 38.50 เหรียญ ใช้เวลาไม่ถึง 2 เดือน ขึ้นไป 4 เด้ง
หลังจากนั้นหุ้นลงมาประมาณครึ่งนึง จาก 38.5 เหรียญ ลงมาเหลือ 12.8 เหรียญ ตอนนี้กลับมาวิ่งขึ้นอีกครั้งหลังประกาศงบไตรมาส 1 บริษัทนี้มีอะไรน่าสนใจ?
เชิงพื้นฐาน
TIGR เป็นบริษัทที่ Jim Roger เป็นคน Back ในปี 2016 ตอนนี้มีผู้ถือหุ้นใหญ่คือ Interactive Broker 7.5% และ Xiaomi ถือ 12% เข้าใจว่าที่ Interactive Broker มาถือหุ้นเพราะบริษัทใช้ IBKR เป็นระบบหลังบ้านในการเทรดช่วงแรก ตอนนี้มีระบบเองแล้ว
ตอนนี้บริษัทกำลังเปลี่ยนจากการเทรดผ่าน IBKR ไปเป็นช่องทางของตนเอง จะทำให้อัตราการทำกำไรดีขึ้นอย่างชัดเจนในปีนี้ (จริงๆถ้าดูงบก็จะเห็นมันดีขึ้นมาช่วงนึงแล้ว)
ส่วน Jim Roger เองก็ถือว่าเป็นนักลงทุนที่เป็นที่รู้จักกันมาก ถือว่าเป็นเทพอีกคนในวงการที่เชี่ยวชาญเรื่องเมืองจีนมากๆ
ภายใน 2 ปีบริษัทเพิ่มจำนวนลูกค้าจาก 88000 คนเป็น 376000 คน รายได้โตจาก 9.7 ล้านต่อไตรมาส เป็น 81 ล้านต่อไตรมาส จากขาดทุนไตรมาสละ 2 ล้านเป็นกำไรไตรมาสละ 21 ล้าน
การเติบโตของลูกค้าเกิดจากการที่คนจีนอยากไปลงต่างประเทศกันมากขึ้น โดยเฉพาะหุ้นเทคโนโลยีที่อยู่ในสหรัฐฯอเมริกา
หุ้น TIGR ยังถือเป็น Underwriter เจ้าใหญ่ในการเอาบริษัทจีนเข้าไป IPO ในตลาดสหรัฐฯด้วย เลยทำให้กลายเป็นจุดเด่นอีกอย่างของบริษัทคือพอเป็น Underwriter เลยเอาหุ้น IPO จีนมาให้ลูกค้าได้
บริษัทมีรายได้จาก ค่าคอมจากการเทรดหุ้นฯ 65% รายได้ดอกเบี้ยจากพวก Margin 22% รายได้อื่นๆจากการออก IPO และทำ ESOP ให้บริษัท 13%
ปีที่ผ่านมารายได้ของบริษัทโตไม่เกิน 150% มาตลอด จริงๆโตระดับนี้ก็สูงมากแล้ว แต่พอไตรมาส 1 ออกมาโต 250% ผมว่าตลาดค่อนข้าง Surprise สมควร วันที่งบออก หุ้นวิ่งขึ้นไปทันที 14%
เชิงเทคนิค
มันก็เลยเกิดเป็นสัญญาณทางเทคนิคที่เทพมากๆ ซึ่งผมเห็นว่ามี 3 อย่างด้วยกันที่น่าสนใจ
- หุ้นตัวนี้ปรับฐานออก Side-way อยู่ประมาณ 2 เดือน เป็นรูป 3 เหลี่ยม มีแนวรับแถวๆ 13 เหรียญ แนวต้านอยู่แถวๆ 19 เหรียญ วันที่ 24 ที่ผ่านมา ราคาทะลุแนวต้านมาได้อย่างสวยงาม
- การทะลุแนวต้านครั้งนี้ไม่ได้มาแต่ราคาแต่มาพร้อมวอลุ่มมหาศาล มากที่สุดตั้งแต่บริษัทเข้าตลาดมา
- การรวมกันของการขึ้นของราคาอย่างรุนแรง และวอลุ่มมหาศาลนี้ถือเป็นหนึ่งใน Indicator ของสาย William O’Neil ที่รู้จักกันดีคือ Follow Through Day แปลเป็นภาษาไทยได้ว่าวันตามน้ำ
สรุปในเชิงเทคนิคที่ถือว่านานๆจะเจอที ถ้าสำเร็จขึ้นมาจริงๆ โอกาสที่ราคาจะทะลุ High เดิมก็มีไม่น้อยนะครับ ต้องลุ้นให้ไม่กลับมาครับ
การเติบโตในอนาคต
จากข้อมูลของบริษัท จำนวนลูกค้าเพิ่มขึ้นต่อเนื่องมากๆ Trading Volume ขยายตัวมากขึ้น แบบ Exponential ไตรมาส 4 ปีที่แล้วมี Trading volume ที่ 65000 ล้านเหรียญ ไตรมาส 1 ปีนี้มี Trading volume ที่ 120000 ล้านเหรียญ โตเกือบๆ 100% ในไตรมาสเดียว
สาเหตุหลักๆบริษัทบอกว่ามาจากกลยุทธการเข้าไปบุกตลาดต่างประเทศทำให้จำนวนผู้ใช้เยอะขึ้น ซึ่งอันนี้ต้องดูว่าไตรมาส 2-3 จะ Maintain การเติบโตแบบนี้ได้มั้ย
ปี 2019 บริษัทมีไปเทคบริษัทในสหรัฐฯมา เลยทำให้ต่อไปนี้ไม่ต้องเทรดผ่าน IBKR แล้ว ค่าคอมที่ได้ก็คงสูงขึ้นเพราะมีระบบเทรดของตนเอง บริษัทมี NPM อยู่ที่ 27% ถ้าเทียบค่าเฉลี่ย Broker ทั่วๆไปที่ 30-40% ถือว่าบริษัทน่าจะยังมี Room ที่จะเพิ่ม Margin ได้
บริษัทบอกว่าปีนี้ลูกค้าทั้งหมดจะถูกโยกมาใช้ระบบเทรดของบริษัท
ที่สำคัญใน Earning Call ของบริษัทมีการบอกว่าจะเปิดให้เทรดคริปโตด้วย กำลังศึกษาอยู่ ถ้าทำขึ้นมาจริงๆก็น่าจะเป็นตัว Drive รายได้และกำไรอีกทางเช่นกัน
ถ้าบริษัท Maintain รายได้และกำไรระดับนี้ได้จริงๆ Forward P/E ในปีนี้ของบริษัทจะอยู่ที่ราวๆ 30x กับการเติบโตระดับ 100-200% ผมว่าถูกนะ
แต่มันก็มีความเสี่ยงอยู่ที่จะทำให้มันไม่เป็นไปตามคาด เช่น …
ความเสี่ยง
บริษัทเพิ่งเปลี่ยนผู้สอบบัญชีไปหลังจากเข้าตลาดหุ้นมา 2 ปี เป็นเรื่องที่แปลกๆนิดหน่อย แล้วด้วยความที่ธุรกิจบริษัทมันคือ Trading Platform อ่ะ การจะทำงบมันอาจจะไม่ได้ยาก (รึเปล่าหว่า) เลยอาจจะทำให้เป็นสาเหตุให้ต้องเปลี่ยนผู้สอบ?
กระแสแห่ซื้อหุ้นเทคสหรัฐฯของคนจีนอาจจะจบลงก็ได้ ถ้าหุ้นมันเข้าขาลงหนักๆ (เอาจริงๆที่ผ่านมาก็หนักนะ) แต่คนจีนอาจจะเห็นเป็นโอกาสทองในการซื้อของถูกก็เป็นได้ คนจีนส่วนใหญ่มีเงินไปเก็บไว้ในอสังหาหมดครับ ไม่ค่อยมาซื้อหุ้นเท่าไหร่ ดังนั้นถ้ารอบนี้แห่มาซื้อก็คงทำให้บริษัท Trading Platform ทำกำไรดี ในขณะเดียวกันถ้ากลับข้างกันก็คงเจ็บหนักได้เหมือนกัน
ลูกค้าต่างประเทศของ TIGR ส่วนใหญ่ก็คือคนจีนที่อยู่ในต่างประเทศ ดังนั้นอาจจะต้องดูลึกลงไปว่าเริ่มมีคนประเทศอื่นมาใช้จริงๆไหม (อันนี้บริษัทเคลมว่า Interface ใช้งานง่ายทำให้ขยายไปประเทศอื่นก็น่าจะ Work)
ความเสี่ยงเฉพาะตัวของจีนก็มีส่วนสำคัญ เพราะนี่คือประเทศอะไรก็เกิดขึ้นได้ เกิดคู่แข่งรายใหญ่อย่าง FUTU ทำอะไรขึ้นมา หรืออยู่รัฐบาลจีนประกาศไม่ให้ซื้อหุ้นสหรัฐฯไรงี้ อาจจะเกิดขึ้นได้ แต่โอกาสน้อยมากๆ
เรื่อง Regulatory Risk และเรื่อง License ที่ต้องขอในประเทศต่างๆ ถ้าถูกถอด License ด้วยเหตุผลอะไรบางอย่างก็คงจะหนักไม่ใช่น้อย
สุดท้ายผู้ถือหุ้น Interactive Broker ที่เคยเป็นระบบเทรดให้ TIGR วันดีคืนดีอาจจะเห็นเป็นคู่แข่ง (ซึ่งก็เป็นคู่แข่งจริงๆ) แล้วขายหุ้นทิ้งก็เป็นได้ แต่น่าจะไม่ใช่เร็วๆนี้นะ
สรุปแล้วจะออกหัวหรือออกก้อยไตรมาสหน้ารู้กันฮะ
ชอบบทความวิเคราะห์หุ้นรายตัวแบบนี้ อย่าลืมกด Like ติดตามข้อมูลหุ้นที่ เพจเทรนด์ลงทุน ครับ
และถ้าไม่อยากพลาดข้อมูลดีๆแบบนี้อย่าลืม Add LINE กันไว้ครับ อัพเดทเมื่อไหร่โพสบอกตลอดครับ
COMMENTS