Last Updated on 09/02/2021
หุ้น TELEDOC หรือ TDOC เข้าตลาดหุ้น IPO ที่ราคา 19 เหรียญ ในปี 2015 มาปี 2021 หุ้น TDOC ราคาขึ้นมาอยู่ที่ 263 เหรียญ ขึ้นมาแล้ว 1300% หรือ 13 เด้ง ในระยะเวลาเพียงแค่ 5 ปีกว่าๆเท่านั้น
แต่ถ้าดูที่ Market Cap บริษัทโตมากกว่า 5000% ในช่วงเวลาเดียวกัน (เนื่องจาก Teledoc มีการเพิ่มทุนบ่อยๆเลยทำให้ราคาหุ้นไม่โตเท่ากับ Market Cap)
ตอนนี้หุ้นมีมูลค่ามากกว่า 38,000 ล้านเหรียญ หรือราวๆ 1.17 ล้านล้านบาท ความใหญ่ของหุ้นใกล้เคียงกับกลุ่มโรงแรม Marriott, Ferrari, Ebay, Twitter และ Kraft Heinz
ช่วงวิกฤต COVID ที่ผ่านมา Teledoc เป็นอีกหนึ่งหุ้นที่ได้ประโยชน์ ในไตรมาส 1 ปี 20 จำนวนการหาหมอผ่าน App พุ่งสูงขึ้น 92% รายได้เติบโต 40% ไตรมาส 2 เติบโต 85% ไตรมาส 3 เติบโต 109%
บริษัทวางแผนว่าจะมีรายได้ 3,000 ล้านเหรียญในปี 2023 จากปี 2021จะมีรายได้ประมาณ 1,000 ล้านเหรียญ (รวม Livongo ที่ Takeover เข้ามาแล้ว)
การเติบโตของ Teledoc นั้นเร็วกว่าบริษัททั้งหมดที่ผมเอามาเปรียบเทียบมาก หุ้นตัวนี้ทำธุรกิจอะไร ถึงโตเร็วได้ขนาดนี้?
ธุรกิจของ Teledoc
Teledoc หรือหุ้น TDOC เป็นผู้นำในธุรกิจที่เรียกว่า Virtual Care เปรียบเหมือน Tinder ของโลกของบริการทางการแพทย์
แทนที่จะช่วยคนจีบกันแบบ Tinder Teledoc ทำการ Match คนที่กำลังป่วยต้องการหาหมอ กับหมอที่สามารถให้บริการได้ผ่านระบบ Online ของ Teledoc
Teledoc กำลังเปลี่ยนการไปหาหมอที่รพ.ของคนให้กลายเป็น การคุยนัด Video Call ชิวๆปรึกษาอาการจากที่บ้านของเราเอง หาหมดเสร็จบริษัทยังให้บริการสั่งยาให้ด้วย โดยผู้ป่วยสามารถไปรับยาได้ที่ร้านขายยาใกล้บ้าน
ปัจจุบัน Teledoc ให้บริการมากกว่า 170 ประเทศ สมาชิก 70 ล้านคน มีหมออยู่ในระบบ 55000 คน ครอบคลุมสาขาเฉพาะทางมากกว่า 450 สาขา
มีการหาหมอออนไลน์ไปแล้วมากกว่า 10 ล้านครั้งในปี 2020 ลูกค้าของบริษัทมีตั้งแต่บริษัท คนทั่วๆไป และบริษัทประกัน
40% ของบริษัทใน Fortune 500 ให้พนักงานสามารถใช้บริการของ Teledoc เป็นส่วนหนึ่งของสิทธิพิเศษและผลประโยชน์ของพนักงานเหมือนกันประกันสุขภาพ
ตลาด Virtual Care มีมุลค่า 250000 ล้านเหรียญเติบโตปีละ 23.5% มีสัดส่วน 21% ของจำนวนครั้งในหาหาหมอทั้งหมดของสหรัฐฯ
ถ้ามองในมุมนี้โอกาสการเติบโตของ Teledoc ก็น่าจะมีอีกมากพอสมควร (นี่ยังไม่รวมที่ไปโตต่างประเทศอีก)
การเติบโตของ Teledoc ในปี 2021
จากการ Takeover บริษัท Livongo แอปช่วยดูแลโรคเรื้อรัง เช่นเบาหวาน ความดัน โรคเครียด และซึมเศร้า Livongo จะทำให้รายได้ของ Teledoc ในปี 2021 เติบโตอย่างสวยงาม ตั้งแต่ไตรมาส 4 เป็นต้นไป
ธุรกิจของ Livongo เองก็มีแนวโน้มเติบโตสูงมาก ปัจจุบันมีสมาชิกเบาหวานของ Livongo อยู่ที่ 320000 คน แต่คนเป็นเบาหวานในสหรัฐฯมีมากถึง 31 ล้านคน ประเด็นคือตลาดใหญ่แต่ Livongo จะเข้าถึงคนพวกนั้นได้ยังไง?
หวยเลยมาลงที่ Teledoc ที่มีสมาชิกใช้งานอยู่แล้วมากกว่า 70 ล้านคน
Teledoc สามารถเสนอบริการของ Livongo ให้กับสมาชิก และบริษัทที่ใช้บริการ Teledoc อยู่ได้ทันที เท่ากับเป็นการขายแบบแทบไม่มีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติม นอกจากนั้น Livongo ยังเป็น Platform ที่มีข้อมูลเรื่องโรคเรื้อรังอยู่เยอะมาก นำมาวิเคราะห์ให้ AI เรียนรู้มาใช้ในการให้บริการลูกค้าได้ดีขึ้นไปอีก ยิ่งทำให้คู่แข่งเข้ามายากยิ่งขึ้น
ความเสี่ยงของ Teledoc
แต่ความเสี่ยงของ Teledoc ก็มี เช่น ธุรกิจที่ต้องพึ่งพิงอยู่กับหมอซึ่งค่าตัวแพงโคตรๆ การมาให้บริการใน Teledoc หมอก็ได้เงินไม่เท่าให้บริการที่โรงพยาบาล แถมต้องให้บริการคนไข้บน Platform แบบ 1-on-1 การจะ Scale ก็จะลำบากเพราะจะติดอยู่ที่จำนวนหมอในระบบ
อีกความเสี่ยงที่ต้องจับตาดูคือเรื่องคู่แข่ง Teledoc มีคู่แข่งสำคัญอยู่สองเจ้าคือ Amwell และ MDLive ซึ่งกำลังจะเข้าตลาดหุ้นปีนี้ นอกจากนั้นยังมีข่าวว่า Amazon และ Zoom เองก็สนใจเข้ามาเล่นในตลาดนี้เช่นกัน
ถ้าสนใจ Teledoc สิ่งที่น่าติดตามในปี 2021 คือผลความสำเร็จของการ Cross-sale กับ Livongo ว่าทำได้ดีมากน้อยแค่ไหน
อัตราการทำกำไรซึ่ง ทำ EBITDA Margin เป็นบวกมาได้ 2 ไตรมาสติดแล้ว ยังดีขึ้นได้อีกหรือไม่
นโยบายของ Joe Biden ซึ่งดูเหมือนจะเน้นเรื่องสุขภาพพอสมควรจะเป็นประโยชน์กับ Teledoc อย่างไรบ้าง?
ประเทศที่ Teledoc ขยายไปมีการ Ramp Up ได้เร็วหรือช้า ตอนนี้ Teledoc มีรายได้ต่างประเทศ15-20%
ค่าใช้จ่าย PMPM (Per-Month-Per-User) มีการขึ้นหรือลงด้วยสาเหตุอะไร
อย่างไรก็ตามก็ต้องไม่ลืมด้วยว่าในระยะยาวเทรนด์ Telemedicine / Healthcare as a Service เป็นเทรนด์ที่มาแน่ๆ แต่ราคาหุ้น Teledoc ตอนนี้ก็ตอบรับกับการเติบโตในอนาคตไปหลายปีแล้ว
ชอบบทความวิเคราะห์หุ้นรายตัวแบบนี้ ช่วยกด Like เป็นกำลังใจให้ เพจเทรนด์ลงทุน ด้วยนะครับ
และถ้าไม่อยากพลาดข้อมูลดีๆแบบนี้อย่าลืม Add LINE กันไว้ครับ อัพเดทเมื่อไหร่โพสบอกตลอดครับ
COMMENTS