Last Updated on 16/09/2021
พูดถึงหุ้น PTL ทุกๆคนจะนึกถึงหุ้นฟิลม์ในตำนานที่เคยขึ้นเยอะมากๆเมื่อ 10 ปีที่แล้ว การ Rally ของ PTL ในรอบก่อน เริ่มขึ้นในปี 2009 ตอนนั้นหุ้น PTL มีจุดต่ำสุดอยู่ที่ 2.8 บาท หลังจากนั้น 2 ปี ราคาหุ้นวิ่งไปพีคที่ 46 บาท เป็นหุ้น 15 เด้ง ในเวลา 2ปี
อย่างไรก็ตาม PTL ณ.ปัจจุบันถือว่ามีความเป็นหุ้น Mature ขึ้นเยอะมาก โอกาสจะขึ้น 15 เด้งใน 2 ปีแบบเมื่อก่อนผมว่าเป็นไปได้ยากมากๆๆๆ ดังนั้นจะขอบอกคนอ่านไว้ก่อนนะครับ 555 อย่าอ่านบทความนี้เพราะคาดหวัง 15 เด้งครับ
แต่ถ้าเป็นโอกาสในการทำกำไรอย่างมีนัยยะ 30-100% ใน 1-2 ปีข้างหน้านั้นถือว่ายังมีโอกาสอยู่ไม่น้อย (ต้อง Spread ดีด้วยนะครับ) ถ้าเข้าใจตรงกันแล้วมาดูข้อมูลกันครับ
ความน่าสนใจของหุ้น PTL
ประเด็นที่น่าสนใจคือตอนนี้ PTL รันกำลังการผลิตเต็มที่แถวๆ 100% ทำให้การที่จะทำรายได้เพิ่มจากการขายสินค้าได้เพิ่มนั้นยากมาก เพราะกำลังการผลิตเต็มแล้ว
แต่ข่าวดีคือบริษัทได้มีการเพิ่มกำลังการผลิตใหม่เข้ามา โดยจะทยอยเสร็จตั้งแต่ไตรมาส 2 ปีนี้ไปจนถึงไตรมาส 3 ทำให้โอกาสที่บริษัทจะมีรายได้เพิ่มขึ้นในช่วงเวลาใกล้ๆนี้มีสูงมาก (FYI นะครับไตรมาส 1 ของ PTL เริ่มต้นเดือนเมษายนนะครับ ดังนั้นไตรมาส 2 ของ PTL คือไตรมาส 3 ของบริษัทอื่นครับ)
การที่น้ำมันเป็นขาขึ้น ช่วงแรกอาจจะกำไรแย่ แต่พอผ่านไป 2-3 เดือน บริษัทจะปรับราคากับลูกค้าได้ ทำให้สเปรดการทำกำไรที่ดีขึ้น ก็น่าจะเห็น Spread ดีขึ้นและกำไรของบริษัทเติบโตตามมา
ผมคิดว่า 2 เรื่องนี้คือ Factor ของ PTL ในระยะเวลาอันใกล้ครับ ถ้าสนใจกันแล้ว มาดูกันก่อนว่าธุรกิจของ PTL มีรายละเอียดอะไรบ้าง?
ธุรกิจของ PTL
PTL ทำธุรกิจผลิตฟิลม์ครับ ไม่ใช่ฟิลม์ที่เอาไปถ่ายรูปนะแต่เป็นฟิลม์บางๆที่เอาไปทำพวกแพคเกจจิ้งต่างๆ ซองขนม ซอสใส่ซอส ประมาณนี้
บริษัทมีบริษัทแม่อยู่ที่อินเดีย โดยถ้ารวมกำลังการผลิตทั้งกลุ่ม บริษัทถือว่าเป็นอันดับ 6 ของโลก มีกำลังการผลิตอยู่ที่ 4.2%
โดยฟิลม์ของ PTL ก็มีหลากหลายประเภท (ผมไม่ลงรายละเอียดนะครับ ใครอยากรู้ลองหาอ่านเพิ่มใน 56-1 ครับ) แต่หลักๆแล้วจะแบ่งได้เป็น 2 ประเภท คือ Base Film และ Specialty Film
Base Film คือฟิลม์ทั่วๆไปใช้ในแพคเกตจิ้ง PET ชนิดบาง, PET ชนิดหนา, BOPP, CPP และ Blown PP โดยในจำนวนนี้ PET ชนิดบางอัตรากำไรน้อยสุด แต่เป็นสินค้าหลักของ PTL เน้นจุดเด่นคือเรื่องต้นทุนที่ถูก
มาถึงจุดนึงบริษัทต้องการเพิ่มอัตราการทำกำไรจึงเป็นที่มาของการผลิต Specialty Film ครับ
Specialty Film คือฟิลม์ที่มีการเคลือบสานต่างๆลงไปในฟิลม์ให้เกิดคุณสมบัติพิเศษครับ เช่น ฟิลม์โฮโลแกรม ฝังลายน้ำสามมิติเป็นต้น
รายได้ของ PTL มาจาก Base Film ราวๆ 64% และมาจาก Specialty Film ประมาณ 36% โดยถ้าวัดเป็นวอลุ่มการขายสัดส่วน Specialty Film จะอยู่ที่ 26% น้อยกว่ารายได้ เพราะราคาขายสูง
ลูกค้าซื้อฟิลม์ของ PTL ไปทำอะไรบ้าง? 63% เป็นเรื่องแพคเกจจิ้ง ส่วนอีก 33% เป็นอุตสาหกรรม (Industrial) ใช้ทำพวกแผงโซลาร์เซลส์ ฟิลม์หุ้มแบตรถ EV เป็นต้น ดังนั้นรายได้ของ PTL จะขึ้นหรือลงอยู่ที่ Demand ของตลาดทั้ง 2 นี้มีมากแค่ไหน เติบโตหรือหดลงอย่างไร?
ถ้าดูรายได้เป็นรายประเทศ PTL จะมีรายได้ตามนี้ครับ
- สหรัฐฯ 35%
- เอเชีย 32%
- ยุโรป 26%
- ที่อื่นๆ 7%
กระจายๆไปทั้งสหรัฐฯ ยุโรป และเอเชีย
อย่างไรก็ตามแม้ธุรกิจของ PTL จะเป็นธุรกิจฟิลม์บรรจุภัณฑ์ที่ยังไงก็ต้องใช้ วิกฤตโรคระบาดที่ผ่านมา PTL ก็ดูเหมือนจะได้ประโยชน์มากขึ้น แต่ด้วยโครงสร้างธุรกิจ PTL ยังถือว่าเป็นหุ้น Commodity ประเภทหนึ่งที่ราคาของสินค้าถูกกำหนดโดยราคาตลาดและราคาของวัตถุดิบที่ขึ้นลงตลอดเวลา
ต้นทุนหลักของฟิลม์ของ PTL คือ PTA และ MEG ซึ่งเป็นสารเคมีที่ได้มาจากการกลั่นน้ำมัน ราคาของฟิลม์ก็ขึ้นอยู่กับ PTA และ MEG นี่แหละ เมื่อไหร่ก็ตามที่ราคาต้นทุนเพิ่มอย่างรวดเร็ว แบบวิ่ง 10-20% ใน 3 เดือนไรงี้ จะทำให้ Spread ลดลง (รายได้ – ต้นทุน) อัตราการทำกำไรของบริษัทลดลงได้ สิ่งที่บริษัททำคือ บริษัทมักจะไปขอขึ้นราคากับลูกค้า (อันนี้เป็น Practice ปกติของวงการนี้ครับ) ใช้เวลาประมาณ 2-3 เดือน
ซึ่งถ้าดูงบไตรมาส 1 ของ PTL จะเห็นว่าตอนนี้ Spread กลับมาเป็นขาขึ้นอีกครั้ง หลังจากที่ราคาน้ำมันฟื้นตัว ถ้า Momentum ยังเป็นแบบนี้ต่อไปแม้ไม่มีกำลังการผลิตเพิ่ม รายได้และกำไรของ PTL ก็โตได้ด้วยการขึ้นราคาควบคู่ไปกับราคาวัตถุดิบต้นทุนของ PTA และ MEG
การเติบโตของ PTL
ตอนนี้กำลังการผลิตฟิลม์ของ PTL ค่อนข้างแน่นแล้ว ไตรมาสล่าสุดมีอัตราการใช้กำลังการผลิต 100% แน่นอนว่าบริษัทต้องหาวิธีเพิ่มประสิทธิภาพ และเพิ่มกำลังการผลิต
ที่ใกล้ที่สุดซึ่งกำลังจะเกิดขึ้นในไตรมาส 2 ปีนี้ก็คือ การดำเนินงานเชิงพาณิชย์ของไลน์ผลิต BOPP ที่อินโดนีเซีย ซึ่งมีกำลังการผลิตอยู่ที่ 60000 ตัน + ไลน์การทำฟิลม์ Specialty อีก 12000 ตันต่อปี
ส่วนปีหน้าจะมีไลน์การผลิต BOPET Film อีก 50000 ตันต่อปี ซึ่งบริษัทประเมินไว้ว่าจะทำให้กำลังการผลิตฟิลม์ของบริษัทเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยยะ
- ปี 2021 Base Film 231,445 ตันต่อปี Coated Film 83,578 ตันต่อปี รวม 315,023 ตันต่อปี
- ปี 2022 Base Film 295,837 ตันต่อปี Coated Film 98,458 ตันต่อปี รวม 394,295 ตันต่อปี โต 25% Project อินโดเดินเครื่อง
- ปี 2023 Base Film 345,837 ตันต่อปี Coated Film 98,458 ตันต่อปี รวม 444,295 ตันต่อปี โต 12% Project สหรัฐฯเดินเครื่อง
กำลังการผลิตในปี 2023 จะสูงกว่าปี 2021 41%
ทีนี้คำถามต่อมาที่ต้องถามคือแล้วอัตราการใช้กำลังการผลิตจะเป็นเท่าไหร่? หรือจะเต็ม 90-100% เร็วแค่ไหน เพราะถ้าเต็มเร็ว รายได้และกำไรก็ตามมาเร็ว แต่ถ้าเต็มช้า รายได้และกำไรก็ตามมาช้า ในขณะที่ค่าใช้จ่าย ค่าเสื่อม และดอกเบี้ยมาพร้อมหน้าแล้ว
ประเมินมูลค่าแบบมาม่า…เอ้ยไวไว
ไตรมาสล่าสุด PTL ขายฟิลม์ได้ที่ราคาราวๆ 70,000 บาทต่อตัน กำลังการผลิตในปี 2023 เป็น 444,000 ตันต่อปี แล้ว PTL มี Utilization rate ซัก 70% ก็จะเป็นรายได้ที่ 21,000 ลบ.ต่อปี ถ้าอัตรากำไรสุทธิดีกว่าปัจจุบันเล็กน้อย (จาก Economy of Scale กับผลประโยชน์เชิงบวกจากการ Integration ละกันนะ) ซัก 18% ก็จะเป็นกำไรที่ 3,700 ลบ. Market Cap PTL ตอนนี้คือ 23,000 ลบ. เป็น Forward P/E ที่ 6.2 เท่า เท่านั้นในระยะเวลา 2 ปี
ถ้าดูด้วย EBITDA ที่ราวๆ 25% PTL จะมี EBITDA ที่ราวๆ 5,200 ลบ. หรือเป็น EV/EBITDA ที่ 5 เท่าพอดีๆ ถือว่าราคาค่อนข้างถูก
ทีนี้ปัจจัยที่ต้องไปเช็คต่อคือระดับ Spread ณ.ตอนนี้จะยืนได้หรือไม่? เพราะตอนนี้มันก็สูงสุดในระดับ 3 ปี
อัตราการใช้ Utilization จะเป็นเท่าไหร่? จริงๆเรื่อง Uti ผมไม่ค่อยห่วงเท่าไหร่เพราะถ้ากำลังซื้อมี กำลังการผลิตก็ไม่น่าขี้เหร่ และ PTL ก็ค่อนข้างมี Network ที่ดีอยู่แล้ว
สุดท้ายกำลังซื้อหลังเปิดเมือง คือตอนปิดเมืองเพราะโรคระบาด PTL ได้ประโยชน์ พอเปิดเมืองแล้วโรคระบาดหมด PTL ก็ยังได้ประโยชน์อยู่???
ฟังดูแปลกๆ แต่มันก็มีโอกาสเป็นไปได้เพราะเท่าที่อ่านมาคือ เหมือนคน Sensitive เรื่องความสะอาดขึ้นเยอะมาก จากที่กดซอสในร้าน Fastfood ก็มาเปลี่ยนเป็นซอสซองๆแทน (ใช้ฟิลม์) ถ้ามีการบริโภคมากขึ้นจากการเปิดเมือง Demand ของฟิลม์ก็จะสูงขึ้น
กราฟ PTL เป็นไง?
หุ้น PTL ทำ Sideway มาตั้งแต่เดือนกรกฎาคมปีที่แล้ว มา Break Out ไปได้ช่วงปลายเดือนเมษายนแล้วไปพีคที่ 31 บาท ปัจจุบัน Pullback กลับมาที่แถวๆแนวต้านเดิมที่ 25 บาทพอดีๆ ถือว่าเป็นจังหวะที่ดีไม่น้อยสำหรับคนที่อยากลุ้นกับ PTL ครับ
ถ้า Break ขึ้นไปได้ใหม่ ซึ่งผมลุ้นว่ามันน่าจะ Break ขึ้นไปได้ใหม่นะ เพราะไตรมาสที่กำลังการผลิตใหม่จะเข้าก็คือไตรมาสที่จะถึงนี่แล้วครับ ที่นี้ก็ไปลุ้นกันว่าจะไปได้มากแค่ไหน
ส่วนถ้ามันจะ Break Down ลงมาผมเดาว่าเป็นเรื่อง Spread กับราคาน้ำมันที่อาจส่งผลกระทบได้ครับ
ความเสี่ยงของ PTL
แน่นอนเรื่อง Spread ถ้าดู Slide ของบริษัทจะเห็นว่าแม้ Spread ของ PTL จะผันผวนน้อยกว่าเพื่อน (ถ้าเทียบกับจีน) แต่ก็ยังถือว่าผันผวนอยู่ดี ลองดูในรูป ไตรมาส 3 2020-2021 Spread พี่จีนอยู่ 0.7 ไตรมาสถัดมาขึ้นไป 1.17 ไตรมาสต่อมาลงไปเหลือ 0.97 และลงไป 0.71 แบบในปัจจุบัน ไม่บอกว่านี่ Spread คนอาจจะนึกว่าราคาคริปโตได้
มีคนเคยบอกว่าหุ้น Commodity ต้องซื้อตอน P/E แพงๆเพราะแปลว่าคนกำลังคาดหวังการเติบโตมหาศาลในอนาคต หรือไม่กำไรในช่วงที่ผ่านมามันลงมาเยอะมากแต่ราคาหุ้นไม่ลงแล้ว ตอนนี้ก็สถานการณ์เดียวกันเลย ดูๆไปราคา PTL ถูก การเติบโตก็มี แต่มันมีเรื่องเดียวที่เดายากคือเรื่อง Spread, Demand และราคาต้นทุนของ PTA และ MEG นี่แหละ
สุดท้าย PTL เคยบอกว่าบริษัทได้ประโยชน์จากปัญหา Supply Chain ทั่วโลก ปัญหาด้าน Shipping นั่นเอง ซึ่งอาจะทำให้ลูกค้าสั่งซื้อของเยอะกว่าปกติหรือเปล่า? ถ้าปัญหานี้จบลงก็อาจจะไม่จำเป็นต้องตุนแล้ว ระยะสั้นๆอาจจะมีปัญหาได้ครับ
ช่วงนี้ทั้งตลาด และรอบๆตัวมีความผันผวน ดูแลพอร์ตกันแล้วอย่าลืมดูแลสุขภาพกันด้วยนะครับ 🙂
ช่องทางติดตาม
ชอบบทความวิเคราะห์หุ้นรายตัวแบบนี้ อย่าลืมกด Like ติดตามข้อมูลหุ้นที่ เพจเทรนด์ลงทุน ครับ
และถ้าไม่อยากพลาดข้อมูลดีๆแบบนี้อย่าลืม Add LINE กันไว้ครับ อัพเดทเมื่อไหร่โพสบอกตลอดครับ
COMMENTS