Last Updated on 24/11/2022
เทรนด์ Digital Transformation
ตอนนี้ในโลก Enterprise ซึ่งกำลังทำ Digital Transformation กำลังเจอกับปัญหาอย่างหนักคือ หา Software Developer ได้ไม่ทันเท่าที่ต้องการใช้งาน
ถ้าจะรู้จัก Gitlab ต้องรู้จัก DevOps ซึ่งเป็นผู้ใช้กลุ่มหลักของ Gitlab ก่อนว่าเป็นใคร และมีหน้าที่อะไร
DevOps มีชื่อเต็มๆว่า Developer Operation ทำหน้าที่เป็นคนเช็คว่า App หรือ โปรแกรมตัวนี้ที่ Developer เขียนมา มี Bug ไหม ทำงานได้ตรงตามโจทย์หรือเปล่า หรือบางครั้งก็เหมือนจะทำงาน Support Developer กลายๆ
ปัญหาอยู่ที่ว่าถ้าบริษัทอยู่ใน Stage ของ Hypergrowth การ Launch Product หรือ Feature ใหม่ๆจะมีความรวดเร็วมาก ความถี่ในการอัพเดทคือรัวๆ ผู้ใช้งานก็เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว แน่นอนว่าปัญหาของ Software ย่อมพุ่งสูงขึ้นจนบริษัทไม่สามารถ Scale DevOps มาจัดการงานได้ทัน และขาดการเชื่อมต่อกับ Team Developer ทีมอื่นๆยิ่งทำให้ปัญหาเพิ่มขึ้นเป็น Exponential
สุดท้ายจึงมี DevOps Platform เกิดขึ้นเพื่อจะเข้ามาช่วยแก้ปัญหาเหล่านี้ให้กับบริษัทต่างๆด้วยการ Automate งาน Labor ที่ต้องทำซ้ำๆซากๆ พัฒนาระบบ Security ที่ทำไปพร้อมๆกับการ Developer Software ได้เลย (DevSecOps) ลดภาระการทำงานที่ไม่จำเป็น
ธุรกิจของ Gitlab
Gitlab คือ DevOps Platform ที่เป็น Application ซึ่งรวมการทำงานต่างๆไว้ด้วยกันแบบ Seamless ตั้งแต่ Software Developer ไปถึง Business team เพื่อให้เกิด Efficiency ในการทำงานสูงสุด และทำให้การพัฒนา Application หรือ Feature ต่างๆมีระยะเวลาที่สั้นลง
แทนที่ลูกค้าจะต้องไปพัฒนา DevOps Platform เองด้วยการเชื่อม Application ต่างๆที่ใช้งานเข้าด้วยกัน Gitlab จัดไว้ให้หมดแล้ว ทำให้ทีม Software Developer สามารถใช้ Effort ในการทำ Function คูลๆเจ๋งๆที่ทำให้ลูกค้าประทับใจ หรือสร้างรายได้ให้กับบริษัทโดยตรง แทนที่จะต้องมาทำงาน Labor ที่ไม่ได้มี Innovation อะไรมากมาย
Gitlab เรียก Business Model ของตนเองว่าเป็น Open Core Business Model ซึ่งมีการเปิดให้ใช้งานแบบ Free ไปจนถึงแบบ Enterprise จ่ายเงินเป็น Subscription ต่อปีเป็นราย User (ต่างจากพวก Snowflake ที่เป็น Consumption)
ลูกค้าที่ใช้ Gitlab จะมี ROI สูงถึง 400% ในระยะเวลา 4 ปี เรียกได้ว่าไม่ใช่แค่มีประสิทธิภาพ แต่วัดผลได้อย่างชัดเจน และลดต้นทุนที่ไม่จำเป็นออกไป
และเนื่องจาก Nature ที่เป็น Platform ที่มี Tools หลากหลาย ทำให้ลูกค้าหลายรายเลือกที่จะ Consolidate หรือควบรวม Tools ต่างๆที่ใช้งานจาก Vendor หลายเจ้ามาเป็น Vendor เพียงเจ้าเดียว ทำให้ Gitlab ได้ประโยชน์จากเทรนด์นี้ด้วย
Gitlab คือ Platform ที่ทำให้บริษัทเป็น Software-Led อย่างแท้ทรู
การเติบโต
DevOps เป็นตลาดที่มีขนาดใหญ่ถึง $40 Billion Gitlab และคู่แข่งที่ใหญ่ที่สุดมี Market share เพียง 5% เท่านั้น ผมเห็น Story ตรงนี้เหมือนกับช่วงที่ Crowdstrike เข้าตลาดใหม่ๆและมี Market share ที่โตจาก Low single Digit เป็น Mid-teen ในปัจจุบัน
ด้วยอัตราการเติบโตณ.ปัจจุบันที่ 70%+ ในอนาคต 2-3 ข้างหน้าน่าจะเติบโตได้อีก 40-50% ต่อปีจะเห็น Market share ของ Gitlab พุ่งได้
ส่วนคู่แข่งรายเล็กๆจะทยอยตายจากการ Consolidation ครั้งนี้จากการที่ลูกค้าให้ Favor กับรายใหญ่ที่มี Feature Offering มากกว่า
Gartner บอกว่าเมื่อก่อนบริษัทต่างๆทำ Dev Ops Platform เอง ทำให้มี Penetration rate ที่ 20% เท่านั้น แต่ปัจจุบัน Penetration rate พุ่งขึ้นสูงถึง 60% แสดงถึง Pain Point ที่มีอยู่จริงของลูกค้า
ไม่มีใครอยากทำเอง ไม่มีใครอยากจ้างคนมาเพิ่ม (ยิ่งเศรษฐกิจแบบนี้) ไม่มีใครอยากถูกทิ้งท้าย … สิ่งที่ทำได้อย่างเดียวคือการใช้ Platform ที่ทำไว้ให้อยู่แล้ว ซึ่งก็คือ Gitlab
ปัจจุบัน Gitlab มีลูกค้า 5800 ราย เพิ่ม 61% YoY มีลูกค้าที่มี ARR มากกว่า 100K+ 593 ราย เพิ่ม 35% YoY 60% ของ ARR มากจาก Enterprise Customer
Gitlab มี NRR (Net Revenue Retention) ที่ 130% ถือว่าอยู่ในระดับ Best of class
งบการเงินและ Earning Call
Gitlab เป็นหุ้น Software ไม่กี่ตัวที่มีการปรับเป้ารายได้ ไม่เห็นการ Slow down ของ Demand ไม่มีการชะลอดีลของลูกค้า และไม่มีการ Lay-off พนักงาน (Lay-off พนักงานนี่ยังไม่เห็นเลยใน Enterprise SaaS)
รายได้ของบริษัทเติบโต 74% ARR อยู่ที่ราวๆ 400 ล้านดอล เป้าเติบโตทั้งปีอยู่ที่ 64% และ 3Q จะอยู่ที่ 59% ชะลอตัวลงเล็กน้อยจากระดับ 70% แต่ก็ยังถือว่าสูง (30%+ ผมถือเป็น High growth ครับ)
Gitlab มี ARR แค่ 400 ล้านดอล อย่าพึ่งถามหากำไรครับ ส่วนใหญ่ SaaS ที่เริ่มมีกำไรจะอยู่ที่ Stage ARR 1-2 พันล้านดอล ขึ้นไป ช้าเร็วอยู่ที่ Business Model ของธุรกิจแต่ละตัว
ถ้าโต 40-50% แบบนี้อีก 2-3 ปีข้างหน้าน่าจะมีลุ้น Break even ในเชิง non-GAAP Operating Income ครับ
อย่างไรก็ตาม Gitlab ถือว่ามี Performance ที่ดีขึ้นอย่างต่อเนื่องเพราะ non-GAAP Opearing Loss ลดลงจาก -78% ในปี 2021 เหลือเพียง -27% โดยมี Progress ที่ดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัดเจน ถ้า Keep Momentum แบบนี้ได้ Breakeven น่าจะรออยู่ไม่ไกลครับ
RPO ของ Gitlab เติบโต 76% สู่ระดับ 362 ล้านดอลถือเป็นการเติบโตที่สูงแต่มีการชะลอตัวลงมาจาก 92% ในไตรมาสที่ 1 อันนี้ไม่แน่ใจเหมือนกันว่าจะมีการชะลอตัวลงอีกไหม จะเห็นผลชัดๆน่าจะไตรมาส 4 ต้องไปเฝ้าดูครับ
Forward EV/Sales ณ.ปัจจุบันอยู่ที่ 13 เท่า ถือว่าสูงกว่าค่าเฉลี่ยสำหรับ High growth SaaS ที่ 10 เท่าเล็กน้อย และสูงกว่าค่าเฉลี่ยระยะยาวของ SaaS ภาพรวมที่ 7-8 เท่า
แปลว่าถ้าเกิด Worst case การเติบโตตกลงอย่างหนัก หุ้นอาจจะมี Downside ได้มากถึง 40-50% แต่ถ้าเป็น Best case ก็เมื่อก่อน EV/Sales ของ Gitlab มีค่า Median ที่ 18 เท่า ก็ถือเป็น Upside 30-40% เช่นกัน (ไม่นับรวมการเติบโต)
ความเสี่ยงของ Gitlab
CTO ลาออกอันนี้ไม่แน่ใจว่าจะกระทบกับ Product Roadmap ของ Gitlab ไหม ต้องดูกันไปยาวๆ
Demand ตอนนี้ยังไม่กระทบ ในอนาคตอาจจะกระทบและ Demand slowdown ได้ถ้าภาพรวม Macro ยังเป็นแบบปัจจุบันไม่มีใครมาการันตีได้ RPO Growth Soft ลงมาที่ 76% ถ้าไตรมาส 3-4 Soft ลงกว่าเดิมเยอะอาจจะงานเข้าได้ครับ
เนื่องจากตอนนี้ US Dollar มีการแข็งค่าขึ้น แล้วบริษัทราคาเป็น USD ดังนั้นอาจจะกระทบกับลูกค้าได้ ทำให้การเติบโตชะลอตัวลง?
การขึ้นดอกเบี้ยของ FED ซึ่งดูจะไม่ยอม Peak ง่ายๆ ทำให้ Valuation ของหุ้นที่ยังไม่มีกำไรในปัจจุบันถูกกระทบเยอะ
Gitlab มีแบบ Open source ด้วย ถ้าบริษัทจะไม่ใช้ Gitlab ก็สามารถทำได้ แต่มันน่าจะลำบากมากๆ
คู่แข่งของ Gitlab คือ Github ซึ่งดังมากๆในวงการ Developers น่าจะเป็นคู่แข่งที่สำคัญที่สุดของ Github แล้ว (ถ้าไม่นับตัวลูกค้าเอง)
สรุปการ Gitlab น่าสนใจยังไง?
เข้า Theme การ Consolidate vendor และการเติบโตแบบ Exponential ของงาน DevOps ซึ่งยิ่งใช้เทคเยอะ ยิ่งโตเยอะ ดังนั้นจึงต้องหา Tools มาช่วย Tool พวกนี้ถ้าใช้แล้วมักจะใช้ต่อไปเรื่อยๆ ยิ่งพอใช้ทั้งองค์กรแล้วยิ่งเลิกยากมากๆ ใครยึดหัวหาดได้นี่กินไปยาวๆ
แต่ข้อดีก็คือบริษัทตีตลาด DevOps ซึ่งค่อนข้างเกิดมาไม่กี่ปี อัตราการเติบโตของตลาดยังคงเติบโตเร็ว และไม่มีใครเป็นผู้นำจริงๆ โอกาสที่บริษัทจะขึ้นไปนำก็ง่าย
อย่างไรก็ตามอย่าลืมว่า Business Model ของ Gitlab ไม่ใช่ Consumption แต่เป็น Subscription ดังนั้นการเติบโตอาจไม่ได้เติบโตตามการใช้งาน ทำให้การเติบโตในระยะยาวจะทยอยลดลงแน่นอนเมื่อฐานใหญ่ขึ้น และผมไม่แน่ใจว่าควรได้ Valuation สูงๆแบบพวก Consumption based หรือไม่?
COMMENTS