Last Updated on 11/08/2021
หลังจากที่ออกมาลงทุนในตลาดหุ้นเทคโนโลยีต่างประเทศได้ซักระยะหนึ่ง ผมเริ่มเห็นความแตกต่างของหุ้นต่างประเทศที่หาในประเทศไทยไม่ได้
เช่นหุ้นเทคโนโลยีที่มี Network Effect สูงๆ และหุ้นที่สามารถ Scale แบบ Infinity ได้โดยที่ไม่มี Marginal Cost มากนัก Market Cap ยังอยู่ในระดับที่เติบโตได้ไม่ยากเกินไป
และอยู่ในอุตสาหกรรมที่ค่อนข้างมีความ Unique สูงๆ Demand ความต้องการไม่ถูก Disrupt และยังอยู่ในระดับสูงต่อเนื่อง
สุดท้ายเลยได้มาดู Airbnb ซึ่งเป็นบริษัท Home Sharing ที่เพิ่ง IPO เข้ามาในปีที่แล้ว ช่วงหลัง COVID
ตอนแรกผมไม่ค่อยสนใจหุ้นตัวนี้เท่าไหร่ เพราะรู้สึกว่าก็ไม่ต่างกับ OTA ธรรมดาทั่วๆไปอย่าง Booking.com หรือ Trip.com แต่ดันราคาแพงเท่า 2 ตัวนี้รวมกัน
อย่างไรก็ตามหุ้น Airbnb ลงมาจากจุดสูงสุดมากพอสมควร แถมตอนนี้ทั่วโลกกำลังจะเปิดเมือง ไม่ช้า Demand การท่องเที่ยวกำลังจะกลับมา Airbnb น่าจะเป็นหุ้น Technology ที่ได้ประโยชน์มากที่สุดตัวหนึ่ง
ผมจึงรู้สึกว่าอย่างน้อยๆควรแวะไปดูซะหน่อยว่า Airbnb นี้มันมีอะไรดี หรือจริงๆความคิดของผมในตอนแรกอาจจะถูกแล้วคือมันแพงและเฉยๆ
ทำไมหุ้น ABNB ถึงน่าสนใจ?
Ambition ของ Brian Chesky ที่ต้องการให้ Airbnb เป็นบริษัท Tech Tier-1 เทียบ Amazon, Apple, Google นั่นอาจจะหมายถึง Market Cap เกิน 1 Trillion
Super Strong Network Effect ที่มี Community ที่แข็งแกร่งมากๆ
Business Model ที่ Scale ได้แบบแทบไม่มี Incremental Cost เลย
การขายธุรกิจออกไปนอกเหนือจากการจองที่พัก ทำ Airbnb Experience เก็บค่า Fee สูงขึ้น
1 ใน 4 ของรายได้ของบริษัทไม่ได้มาจากการท่องเที่ยวแล้ว แต่มาจากการ “ใช้ชีวิต”
Culture ที่แข็งแกร่ง และ Passion ของ CEO ที่สูงมากๆ (ถึงขึ้น Peter Thiel และ Warren Buffett ชม)
70-90% ของ Traffic เข้าเว็บไซต์เป็น Direct / Unpaid Traffic ทำให้ Airbnb ใช้งบการตลาดในสัดส่วนน้อยกว่าคู่แข่งมาก นอกจากนั้นยังโดน Google / Facebook Tax น้อยกว่าคู่แข่งด้วย
การ Rebound ของการท่องเที่ยวในครั้งนี้จะดีดแรงมาก อย่างที่เราไม่เคยเห็นมาก่อน สิ่งที่คนคิดถึงมากที่สุดในปี 2020 คือกิจกรรมกลางแจ้ง และการท่องเที่ยว
คนหลีกเลี่ยงการไปพักโรงแรมที่ต้องใช้ Facility ร่วมกันเยอะ และจอง Airbnb แทน
TAM ระดับมหากาฬ 3.4 Trillion (1.8 Trillion สำหรับ Short-Term Stay และ 1.4 Trillion สำหรับ Experience
ภาพรวมธุรกิจของ Airbnb
ถ้าอ่าน 10-K ของ Airbnb จะเจอว่าบริษัทบอกว่า Airbnb ทำธุรกิจ Community based on Connection and Belonging …. Art สุดๆแน่นอนครับงง
เปลี่ยนไปดูของ Wikipedia แทน Wikipedia บอกว่า Airbnb ทำธุรกิจ Online Marketplace for Lodging หรือธุรกิจ Marketplace สำหรับการจองที่พัก ชัดเจนขึ้นเยอะ
ธุรกิจของ Airbnb เริ่มมาจากการที่ Founder ของ Airbnb Brian Chesky และ Joe Gebbia ปล่อยเช่าที่นอนเป่าลมในบ้านเช่าของตนเองให้กับนักท่องเที่ยวที่มางาน Design Conference
ธุรกิจของ Airbnb ก็เริ่มมาจากอะไรแบบนี้ แต่หลังจากนั้นคนที่มาพักก็บอกว่าทำไมไม่ทำแบบนี้สำหรับการท่องเที่ยวด้วย ก็เลยกลายมาเป็น Airbnb แบบในปัจจุบัน
ในมุมของรายได้ Airbnb มีรายได้เติบโตทุกปีมาสะดุดในปี 2020 ที่เกิดวิกฤตโรคระบาด โดยปีล่าสุด 2019 Airbnb มีรายได้เติบโต 31.6% การเติบโตในระดับนี้สูงกว่า Booking.com ที่โต 3.7% และ Expedia ที่โต 7.5%
จะว่าไปจริงๆแล้วการเติบโตของ Airbnb กำลังเติบโตตามอดีตของ Booking.com ในเรทที่ใกล้เคียงกันมากๆ จะบอกว่า Airbnb คือ Booking.com เมื่อประมาณ 5-8 ปีก่อนก็คงไม่ได้ผิดอะไร
แต่ถ้าเทียบกับ Market Cap ของ Booking.com ซึ่งเป็นรายใหญ่อยู่ตอนนี้ที่ 90 Billion ราคาเท่ากับ Airbnb (คือราคา Airbnb มันลดลงมา ส่วน Booking.com ขึ้นมาตอนนี้เลยเท่ากัน)
2 เจ้านี้มีความแตกต่างกันไม่ใช่แค่ในเชิงการเติบโตอย่างเดียว แต่มีความแตกต่างในเชิง Business Model รวมไปถึงกลุ่มลูกค้าด้วย
ดังนั้นการเอา 2 ตัวนี้มาเทียบกันจะเป็นการเทียบในธุรกิจ Category เดียวกันคือให้บริการที่พัก แต่วิธีการทำธุรกิจ และกลุ่มลูกค้านั้นแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง
Business Model ของ Airbnb
Business Model ของ Airbnb คือการเป็น “Platform ตัวกลาง” ซึ่งทำหน้าที่ Match คนสองกลุ่มเข้าด้วยกัน คือกลุ่มที่มีบ้านว่างให้เช่าได้ กับกลุ่มที่เดินทางท่องเที่ยวแล้วอยากเช่าบ้าน
Model แบบนี้เป็น Very Classic Silicon Valley เลยครับ แบบเดียวกับ Ebay และ Etsy
เพื่อความเข้าใจและความชัดเจนถึงความแตกต่าง ผมจะพยายามอธิบายและแนบตัวเลขของคู่แข่งอย่าง Booking.com เปรียบเทียบไปด้วยนะครับ
Platform ของ Airbnb มีผู้ใช้หลักๆอยู่ 2 ประเภท คือ Hosts และ Guests โดยเก็บค่า Fee ที่ Airbnb เก็บจากทั้ง 2 กลุ่มจะแตกต่างกันขึ้นอยู่กับประเภทของบริการ
1. บริการเช่าบ้าน – เก็บค่า Fee จาก Host 3% และเก็บค่า Fee 5-15% จาก Guest ตรงนี้แตกต่างกับ Booking.com ที่เก็บจาก Host เต็มๆที่ 15%
Model ของ Airbnb ให้ความสำคัญกับ Hosts มากๆ เพราะการที่มี Hosts เยอะ มีบ้านให้เลือกมาก Listing หลากหลาย Location เยอะขึ้น ยิ่งทำให้ Airbnb ขยายตลาดได้เร็วมากขึ้น Model ของ Airbnb จึงเป็น Model Supply Constraint คือธุรกิจจะสำเร็จได้มากแค่ไหน โตได้เท่าไหร่อยู่ที่จำนวน Hosts และ Listing ที่มี
ต่างกับของ Booking.com ที่ส่วนใหญ่เป็นโรงแรมกว่า 5 แสนแห่งทั่วโลก 1 โรงแรมก็มีไป 300-400 ห้องแล้ว Model ของ Booking.com จึงเป็นด้าน Demand Constraint คือ Host และ Listing มีอยู่แล้ว หาไม่ยาก แต่จะหาคนมาพักยังไงให้เต็ม
ดังนั้นการทำการตลาดของ Booking.com จึงมุ่งไปที่ Guest เป็นหลัก ส่วน Airbnb มุ่งไปที่ Hosts เป็นหลัก
ซึ่งในอนาคต Model ของบริษัทอาจเปลี่ยนไปเพราะตอนนี้ Airbnb เริ่มมีการเปิดให้บริการ Professional Host ที่เป็นคนปล่อยเช่าเหมือนกัน แต่ทำเป็นการเป็นงาน ในรูปแบบองค์กรมากขึ้น 1 เจ้าอาจจะมี Listing 10 ที่ขึ้นไป เทียบกับ Conventional Airbnb Hosts ที่มี Listing เพียง 1-2 Listing เท่านั้น
โดย Airbnb จะเก็บค่า Fee มากขึ้นกับ Professional Host ที่ 14% เรทเดียวกันกับ Booking.com และไม่ชาร์จ Fee ไปที่ Guest เลย ซึ่งที่ผมเข้าใจ Airbnb จะมีการให้เครื่องมือและ Software ในการบริหารจัดการให้ด้วย
2. บริการพาเที่ยว (Experience) – ไอเดียของบริการนี้มาจากการที่ Airbnb ทำ Story Board ของ Airbnb แล้วเจอว่า Airbnb อยู่ในส่วนหนึ่งเล็กๆของ Journey การท่องเที่ยวทั้งหมดของ Guest เท่านั้น
ยังมีช่องว่างให้ Airbnb เข้าไปอยู่ในชีวิตของลูกค้าอีกมาก จึงเป็นที่มาของการออกบริการ Airbnb Experience ขึ้นมา (คิดดูดีๆมันคือบริการทัวร์ดีๆนี่เอง)
โดย Hosts ที่ให้บริการ Airbnb Experience จะถูกเก็บค่า Fee 20% ดูเผินๆเหมือนเยอะ แต่ถ้าลองคิดดูว่า Hosts ที่ให้บริการที่พัก แล้วสามารถหารายได้เพิ่มจากการทำ Airbnb Experience เริ่มต้นที่หัวละ 100 ดอลลาร์
ทำดีๆอาจจะได้มากกว่าค่าที่พักซะอีก แถมยังไม่ต้องลงทุนอะไรเลย แค่พานักท่องเที่ยวไปเที่ยว ทำอาหารให้กิน พาไปเที่ยวที่ๆพวกเขาเองก็รู้จักดีอยู่แล้ว ไม่ใช่เรื่องยาก แถมได้รายได้เพิ่ม ทำไมจะไม่ทำ?
Airbnb กับ Booking.com ต่างกันยังไง?
เริ่มจากข้อดี-ข้อเสียการใช้งานทั้ง 2 Platforms ก่อนครับ
1. Location – Airbnb มี Location มากกว่า Booking.com ครับ Location ในที่นี้หมายถึงที่พักที่อยู่ในสถานที่แปลกๆ ไม่ได้อยู่ตามกลางเมือง เช่นกระท่องที่อยู่เชิงเขา ทางเข้าอุทยานแห่งชาติ อะไรประมาณนี้
2. Service – อันนี้ต้องบอกว่าคนไปเที่ยวคาดหวังอะไร Booking.com มี Standard ของ Service ที่ชัดเจนและแน่นอนมากกว่า เพราะส่วนใหญ่เป็นโรงแรม ส่วน Airbnb ต้องยอมรับว่าไม่ได้มี Standard เหมือนกันทุก Listing
3. การ Review และ Vote – ในขณะที่การจองโรงแรมคนพักสามารถ Review โรงแรมได้ แต่ถ้าเป็น Airbnb Hosts สามารถรีวิว Guest ได้นะครับ ทำตัวไม่ดี ระวังไม่มีใครรับจองอีก
4. ราคา – ราคาของ Airbnb โดยเฉลี่ยถูกกว่าโรงแรม 5-15% ยิ่งคนเยอะ ยิ่งไป Airbnb ถูกกว่าครับ อันนี้ชัดเจนมากๆ
5. การจ่ายเงิน – ส่วนใหญ่แล้ว Airbnb ต้องจ่ายเงิน Advance ไปเลยครับ แต่ถ้าเป็น Booking.com เราจะยังหาพวกจ่ายที่โรงแรมได้ แถมบางที Free Cancel จนวันสุดท้ายก่อน Check-in ก็มี
6. ความหลากหลายของที่พัก – อันนี้ Airbnb กินขาดคล้ายๆเรื่อง Location เพราะคำว่าที่พักของ Airbnb ไม่ได้หมายความถึงห้องพักหรือแม้แต่บ้าน ไปครอบคลุมไปถึงเต้นท์ รถบ้าน กระท่อม ประภาคาร บ้านต้นไม้ จนไปถึงเกาะส่วนตัวทั้งเกาะ
7. การจอง – 70-90% ของ Traffic ของ Airbnb มาจาก Direct Traffic นะครับ นั่นหมายความว่าคนเข้า Airbnb.com มาเลย ในขณะที่ของ Booking.com Direct Traffic อยู่ที่ประมาณ 40% เท่านั้น ที่เหลือมาจาก Affiliate ไม่ก็ Google Search จุดนี้เลยทำให้งบการตลาดของ Booking.com ใช้มากกว่า Airbnb
Airbnb ในมุมงบการเงิน
รายได้ของ Airbnb เติบโตต่อเนื่องมาตลอด
- ปี 2016 รายได้ 1,655 ล้านดอลลาร์ โต 80%
- ปี 2017 รายได้ 2,561 ล้านดอลลาร์ โต 54%
- ปี 2018 รายได้ 3,651 ล้านดอลลาร์ โต 42%
- ปี 2019 รายได้ 4,805 ล้านดอลลาร์ โต 31%
- ปี 2020 รายได้ 3,378 ล้านดอลลาร์ ติดลบ 29.7%
Airbnb ก็เหมือนกับหุ้นเติบโตตัวอื่นๆที่พอรายได้เริ่มใหญ่ขึ้นเรื่อยๆอัตราการเติบโตก็เริ่มลดลง ซึ่งรายได้ของ Airbnb จะสัมพันธ์กับตัว Gross Booking Value (มูลค่าการจองที่พักแบบไม่หักคชจ.ต่างๆ) กับ No. of Night / Experience Book (จำนวนครั้งการจองที่พัก/ทัวร์) การที่ Airbnb จะเติบโตได้ไม่ No. of Night เพิ่มขึ้น ก็ Value Per Night สูงขึ้น
แต่ในปี 2020 ผลจากการปิดเมืองทำให้ No. of Night ลดลงอย่างหนัก ส่งผลให้รายได้ของบริษัทลดลงตาม โดยปีนี้คือปีแรกตั้งแต่ตั้งบริษัทที่รายได้ไม่โต
ผลกระทบจากวิกฤต COVID หนักแค่ไหน? จากภาพด้านบนจะเห็นว่า Gross Booking Value ในQ2 ลดลงจากไตรมาสเดียวกันในปี 2019 ถึง 67% และจริงๆผลกระทบมาตั้งแต่ Q1 แล้ว เพราะปกติ Q1 จะเป็น High season ของ Airbnb
อย่างไรก็ตามหลังจากนั้น GBV ดีดตัวกลับอย่างรวดเร็วใน Q3 ชะลอลงใน Q4 และขึ้นไปอยู่ที่ 10 Billion ใน Q1 2021
สิ่งที่น่าสนใจไม่ใช่แค่ GBV ที่กลับมาเติบโตจนแตะระดับ All Time High แต่เป็น GBV/Night ที่ด้วยพุ่งตัวสู่ระดับ 160 ดอลลาร์ สูงสุดตั้งแต่ตั้งบริษัทมาเช่นกัน
ผมคิดว่าสาเหตุน่าจะมาจาก Demand การท่องเที่ยวของสหรัฐฯที่กลับมาเร็วกว่าประเทศอื่นๆ รวมไปถึงนักท่องเที่ยวส่วนใหญ่ไปอยู่ Airbnb เพราะไม่อยากไปใช้ Facility กับคนอื่นๆจึงพยายามหลีกเลี่ยงโรงแรม
Airbnb สามารถรักษาระดับ Adjusted EBITDA ได้ใกล้เคียงกับปี 2019 และดีขึ้นมากๆถ้านับแค่ไตรมาส 4 ปี 2020 Adj. EBITDA -21 ล้านดอลลาร์ เทียบกับปีที่แล้วที่ -276 ล้านดอลลาร์ สาเหตุมากจากการควบคุมรายจ่ายอย่างเข้มงวดนั่นเอง
ในขณะที่ค่าใช้จ่ายต่างๆยังอยู่ในระดับต่ำ แต่ Gross Booking Value กลับขึ้นไป All Time High และรายได้เริ่มกลับมาเติบโตใหม่ สิ่งนี้ทำให้ผมคิดว่าในระยะสั้น Airbnb น่าจะมี Earning Momentum ที่ดีกว่าที่คิดครับ
ถ้าเรามาดูที่งบไตรมาส 1 ที่ผ่านมาจะเห็นว่ารายได้ของ Airbnb ยังสามารถคงตัวอยู่ได้ในระดับสูง และถ้าเปรียบเทียบกับไตรมาสเดียวกันปี 2020 จะเริ่มเห็นการเติบโตเบาๆแล้วที่ 5%
สุดท้ายอยากจะบอกว่าทั้งหมดทั้งปวงที่กลับมาเติบโตเนี่ย ยังไม่รวมนักท่องเที่ยวกลุ่ม Cross-Border และกลุ่ม Urban ซึ่งเป็นกลุ่มหลักของ Airbnb นะครับ
ดังนั้นเมื่อไหร่ก็ตามที่มีการฉีดวัคซีนจนครบแล้ว เชื่อว่าไม่ว่าจะเป็น GBV หรือรายได้ยังสามารถเติบโตได้มากกว่านี้
การเติบโตของ Airbnb
ในระยะสั้น Airbnb จะเติบโตจากภาพใหญ่ของการท่องเที่ยวที่กลับมาฟื้นตัวเป็นหลัก ซึ่งก็จะคล้ายๆกับหุ้นท่องเที่ยวตัวอื่นๆเช่น Booking.com, Expedia, TripAdvisor
อย่างไรก็ตามผมคิดว่าการที่เลือกจะลงทุนใน Airbnb ตอนนี้คงไม่ใช่แค่เรื่องการฟื้นตัวของการท่องเที่ยวเพียงอย่างเดียว (ถ้าแบบนั้นผมว่าหุ้นตัวอื่นอาจจะดูดีกว่า Airbnb) แต่เป็นการเดิมพันกับการเติบโตของ Airbnb ในระยะยาวที่ Drive ด้วยข้อได้เปรียบของบริษัท การออก Product ใหม่เช่น Airbnb Experience เพื่อตอบกลยุทธ์ระยะยาวของบริษัทที่ต้องการเป็น E2E Service (End-to-End Service) มากขึ้น ไม่เพียงแค่ให้บริการที่พักอย่างเดียว
การ Penetrate เข้าไปในตลาดที่มีขนาดใหญ่ถึง 3.4 Trillion ถ้าเอาเฉพาะค่า Fee 14% ก็ตกอยู่ที่ 340 Billion Airbnb ตอนี้มีรายได้ไม่เกิน 5 Billion เท่ากับเป็นส่วนแบ่งการตลาดเพียง 1.4% ของตลาดเท่านั้น
เทรนด์การท่องเที่ยวของกลุ่ม “Belong Anywhere” ซึ่งแตกต่างกับลูกค้าโรงแรมอย่างชัดเจน และกำลังสร้างเทรนด์การท่องเที่ยวแบบใหม่ขึ้นมา
แต่ทีนี้ที่ราคานี้ของ Airbnb ก็มีเครื่องหมายคำถามตัวใหญ่ๆอยู่เหมือนกัน เพราะถ้าเอาไปเทียบกับ Booking.com ซึ่ง Market Cap ใกล้เคียงกันมาก แต่รายได้ของ Booking.com มากกว่า Airbnb ประมาณ 50-60% ส่งผลให้อัตราส่วนทางการเงินของ Airbnb เช่น Price/Sales หรือ EV/Sales แพงกว่า Booking.com ที่ราวๆ 40-50%
ความเสี่ยงของ Airbnb
ความเสี่ยงของ Airbnb มีเยอะพอสมควรเลยครับ หลักๆก็เรื่องกฎหมาย Regulation ต่างๆ ที่เราเห็นกันเป็นประจำว่าโดนฟ้องนู่น ฟ้องนี่เต็มไปหมด แต่ผมว่าตลาดค่อนข้างรับรู้ส่วนนี้ไปมากแล้วไม่ค่อยกังวลเท่าไหร่
ส่วนที่ผมกังวลมากที่สุดสำหรับ Airbnb มี 2 เรื่องคือเรื่องการแข่งขันจากพวก Tech ยักษ์ใหญ่เช่น Google ที่ตอนนี้เริ่มออกมาทำ Google Travel แล้ว
อีกเรื่องคือเรื่อง Valuation ซึ่งผมว่ามันอิงอยู่กับความสำเร็จของ Product ใหม่ และการเติบโตของ Airbnb พอสมควรเลย ถ้า Product ใหม่ไม่ปัง การขยายพื้นที่ไปในตลาดใหม่ๆไม่ได้ใน Pace ที่ควรจะเป็น หุ้นก็อาจจะถูก Sell-Off ได้
ในระยะสั้น Airbnb พึ่งหมดระยะ Quiet Period ไป (คนในบริษัทที่ได้หุ้นมาห้ามขาย) ไปตั้งแต่เดือนพฤษภาคม เข้าใจว่าตอนนี้คงขายกันมาได้ซักพักแล้ว ทำให้ถัดจากนี้ไปจนถึงปลายปี ปัจจัยลบของ Airbnb ค่อนข้างน้อย มีปัจจัยบวกที่เตรียมเข้ามาซะเป็นส่วนใหญ่
สรุปหุ้น Airbnb ในมุมมองผม
ผมชอบหุ้นตัวนี้มากๆครับ Business Model ดี มีความแตกต่างที่ค่อนข้างชัดเจน มี Global Network Effect และ Ambition ของ Brian Chesky ที่ต้องการให้ Airbnb เป็นบริษัท Tech Tier-1
อย่างไรก็ตามถ้าจะถึงขนาดซื้อแบบ All-in ผมว่า Airbnb ยังห่างไกลจุดนั้นพอสมควร และจุดที่ผมจะจับตามองเป็นหลักคือการเติบโตที่ต้องรีบกลับมาให้เร็วที่สุด
และ Product ใหม่ๆของ Airbnb อย่าง Experience ควรจะ Solid ได้แล้ว จริงๆ Brian Chesky เคยบอกว่า ปี 2020 จะเป็นปีทองของ Experience หลังจากที่ปั้นมาหลายปี แต่กลับมาเจอวิกฤตซะก่อนเลยแป๊กไป ผมว่ากว่าจะกลับมาได้น่าจะอย่างช้าปี 2022
สุดท้ายคงเป็นอย่างที่ Brian Chesky บอกไว้ว่าบริษัท Tech ใหญ่ๆที่ไประดับ Trillion ได้เพราะมี S-Curve การเติบโตใหม่ๆอยู่เสมอ ถ้า Airbnb ทำได้แบบที่ว่าจริงๆราคานี้ก็อาจจะไม่แพงเกินไปก็ได้ครับ
Link หาข้อมูลเพิ่มเติม
ผมมีเขียน Deep Dive ของ Airbnb ไว้นะครับ ใครอยากอ่านแบบละเอียดๆ รวมไปถึงดูเรื่อง Moat, Valuation และข้อมูลเปรียบเทียบกับ Booking ดูได้ที่บทความ Deep Dive Airbnb ของผมครับ
นอกจาก Deep Dive ของ Airbnb แล้ว ผมมีเขียน Deep Dive ของหุ้น Snowflake และ Deep Dive ของหุ้น Nvidia ไว้ด้วยนะครับ เรียกได้ว่าเป็นหุ้นที่น่าสนใจมากๆไม่แพ้ Airbnb ครับ
ช่องทางติดตาม
ชอบบทความวิเคราะห์หุ้นรายตัวแบบนี้ อย่าลืมกด Like ติดตามข้อมูลหุ้นที่ เพจเทรนด์ลงทุน ครับ
และถ้าไม่อยากพลาดข้อมูลดีๆแบบนี้อย่าลืม Add LINE กันไว้ครับ อัพเดทเมื่อไหร่โพสบอกตลอดครับ
สมัครสมาชิกรับ บทวิเคราะห์ เจาะลึกหุ้นเทคโนโลยี ทาง Email
สมัครสมาชิกกันไว้นะครับ มีบทความใหม่จะส่งให้ทาง Email ครับ
COMMENTS