Last Updated on 01/08/2022
ภาพรวมธุรกิจ Shopify ไตรมาส 2
1. ไตรมาส 1Q21 รายได้รวมของ SHOP โต 110% หลังจากนั้นอัตราการเติบโต YoY ลดลง 5 ไตรมาสรวด ไตรมาสล่าสุด 2Q21 การเติบโตเหลือ 15%
เหตุผลหลักๆคือ SHOP ถือเป็นหุ้นที่ได้ประโยชน์จาก COVID และ E-Commerce Adoption ลักษณะคล้ายๆกับหุ้นค้าปลีกทั้งหลายที่มีการเติบโตสูงพิเศษก่อนหน้านี้
ทำให้เกิดการปรับฐานของราคาที่รุนแรงตั้งแต่ปีที่แล้ว เพราะถ้าเปรียบเทียบปีถือว่ายากมากๆที่จะโต 100% เหมือนเดิมแบบไม่มี COVID มาช่วย และเป็นการเติบโตจากฐานที่ใหญ่ขึ้นมาก
ใน Earning Call บอกชัดว่า “We overshot our prediction”
2. ด้วยการเติบโตแบบที่ผ่านมาทำให้บริษัทมีการจ้างพนักงานเพิ่มขึ้น จาก Assumption ว่าการเติบโตอาจสูงกว่าที่คิด
แต่ผิดคาดพอเปิดเมืองการเติบโตช้าลงมาก ทำให้พนักงานที่จ้างเข้ามาถือว่าเป็น Overstaff ประมาณนึง เป็นเหตุผลให้ในไตรมาสล่าสุด
3. Shopify Focus ใน 4 อย่างด้วยกันนะครับตอนนี้
3.1 Building Buyer Relationships ทั้งออนไลน์และออฟไลน์
ตอนนี้ Point-of-Sales ของ Shopify ที่ผสานทั้งโลกออนไลน์และออฟไลน์กลายเป็นตัวเลือกหลักของพ่อค้าแม่ค้า
การ Integrate กับ Facebook, Google และ Instagram โต 5 เท่าจากปีที่แล้ว ตอนนี้กำลังเพิ่ม Twitter Shopping, Youtube
Shopify Audience คือเครื่องมือที่ช่วย Merchant หาลูกค้าเพิ่ม
Process คือ ลูกค้าใช้ Shopify Plus ในการเลือก Product ที่อยากเพิ่มยอดขาย หลังจากนั้น Algo ของ Shopify จะสร้าง Audience ขึ้นมาให้และ Export ไปที่ Ads Platform ที่ลูกค้าเลือก ตอนนี้ Launch ใน Facebok และ Instagram
3.2 ช่วย Merchant ให้ไปขายในระดับ International ได้ และทำให้การขายต่างประเทศง่ายเหมือนการขายในประเทศ
โดยการทำ Online Store front ให้มี Experience ที่ดีขึ้นจะช่วยยอดขายให้ดีขึ้นได้ถึง 40%
3.3 Shopify กำลังลงทุนเพื่อช่วย Merchant โตจาก First sale to Full scale เริ่มมีการปล่อยสินเชื่อการค้าผ่านระบบ (น่าจะคล้ายๆของ BABA)
ตอนนี้ Shopify เริ่มมีการทำ B2B Platform ขึ้นมาเพื่อให้ Merchant ที่ขาย B2C สามารถขายแบบ B2B ได้ด้วย … แบบเซ็ตราคาขายส่งได้อะไรประมาณนี้
โดย User กลุ่มแรกๆที่จะใช้ ระบบ B2B คือ ลูกค้า Shopify Plus ที่จ่ายค่า Subscription อยู่
3.4 Simplifying Logistic ทำระบบ Logistic ให้ง่าย … นั่นคือการลงทุนสร้าง Shopify Fulfillment Network (SFN) เครือข่าย Fulfillment ของตนเองนั่นเอง
คือ Shopify เขาบอกว่าถ้าลูกค้าเห็นวันที่จะได้รับสินค้าที่ชัดเจน และรวดเร็วจะทำให้การ Conversion ของยอดขายง่ายขึ้น
นึกภาพว่า Merchant ต้องไปจองเรือปกติจองเป็นตู้ Container …ถ้าผ่านของ Shopify คือจองเป็น Pallet ได้เลย (ลังไม้ ตู้คอนเทนเนอร์นึงจะมีหลายลังไม้)
ทำให้ Flexible มากขึ้นเยอะ และมีระบบ Book แบบ Just-in-Time
ผลของการลงทุนจะทำให้ Merchant ของ Shopify สามารถนำเข้าสินค้าได้เร็วขึ้น 50% และลดค่าส่งสินค้าได้ด้วย
4. ไตรมาสนี้เลยมีการซื้อกิจการบริษัทชื่อ Deliverr เข้ามา ซึ่งเป็นบริษัทที่ทำระบบ Fulfillment Software + Warehouse Partner (คล้ายๆ Cainiao ของ BABA???) และทำให้ส่งแบบ 2 Days Delivery ได้ด้วย
การส่งแบบ 2 Days Delivery นี่แทบเป็นไปไม่ได้เลยสำหรับรายกลางและรายย่อย คือมันต้องมีการ Integrate ระบบเข้าด้วยกัน เชื่อมต่อลงไปถึงการกระจายสินค้าคงคลัง หรือ Inventory ก่อนที่จะมีคำสั่งซื้อ
Shopify มีระบบการันตี ส่งถึงภายใน 2 วันชื่อ Shop Promise ซึ่งตรงนี้บอกว่าถ้าทำได้จะเพิ่มการปิดยอดขายได้สูงถึง 30%
5. Shopify คือ Infrastructure สำคัญของ Merchant ซึ่งต้องการขายสินค้าไปทั่วโลก Shopify ช่วยแก้ปัญหายากๆให้กับ Merchant
เช่นการจัดการออเดอร์ การขนส่ง ปัจจุบันมี Merchant อยู่บนระบบของ Shopify ที่ราวๆ 1.75 Million
6. Shopify มี Market share ของ US Retail E-Commerce ที่ 10.3% เป็นเบอร์ 2 เบอร์ 1 คือ Amazon 41% และเบอร์ 3 คือ Walmart 6.6%
7. Impact ของ Deliverr ไม่เห็นใน Q2 นะครับ เข้าเต็มๆ Q3 ตอนนี้คาดว่ายังขาดทุนอยู่ ตอนขายได้ราคาที่ Peak พอดี ….
Long term Deal น่าจะดีแหละ แต่ Short term ถ้า Underperform นี่น่าจะมีโดน Goodwill Write-off แบบ Teladoc ครับ
ตัวเลข + งบการเงิน + Outlook
8. Online GMV โต 8% Offline GMV โต 47% เฉลี่ยโต 11% สูงกว่า US Retail Growth ที่ 7% แต่ก็ถือว่าอัตราการเติบโตลดลงในทิศทางเดียวกันกับรายได้
9. GMV ส่วนใหญ่ของ Shopify เป็น Discretionary Spending พวกเสื้อผ้า เครื่องสำอางค์ ของแต่งบ้านซะเยอะ ดังนั้นถ้าเศรษฐกิจตกต่ำนี่น่าจะเต็ม Teen
10. Subscription Solution และ Merchant Solution มีการเติบโตที่อ่อนตัวลงทิศทางเดียวกันกับรายได้เลยครับ เหตุผลก็ COVID ฐานสูง Spending ที่ชะลอตัว แต่ยังโตอยู่นะ
มีจุดน่าสนใจนิดนึงตรงที่ในเดือน May ที่ผ่านมา Shopify Roll-out Localized Subscription Pricing ตามประเทศที่ดำเนินงานอยู่ น่าจะช่วยให้มี Merchant มาใช้ Platform มากขึ้น
11. Adjusted Gross Profit ลดลงจากเฉลี่ยแถวๆ 55% เหลือ 50% จากสัดส่วนของ Merchant Solution ที่สูงขึ้น และมีอัตราการทำกำไรต่ำกว่า Subscription Solution สัดส่วนที่สูงขึ้นของ Shopify Payment และการลงทุนใน Cloud Infrastructure คิดเป็นจำนวนเงินหายไปราวๆ 30 Million มาโดนค่าใช้จ่ายที่สูงขึ้นเลยเกมฮะ กลับไปขาดทุน
12. และก็เลยส่งผลให้ Adjusted Operating Loss ขาดทุน 41 ล้าน แย่ลงกว่า 1Q22 ที่ผ่านมาที่มีกำไร 31.9 ล้านตามๆกันไป
อย่างไรก็ตามการลดคน 10% ของ Shopify อาจทำให้การขาดทุนในไตรมาส 3 นี้เป็นจุด Bottom ของปีได้ เพราะไตรมาส 3 จะ Consolidate Deliverr ซึ่งน่าจะยังไม่กำไรเข้ามาเต็มๆ
13. Shopify บอกว่าการขาดทุนใน Q4 จะน้อยกว่า Q3 แต่เยอะกว่า Q2 …. แปลว่า Q3 มีแนวโน้มมากๆที่จะเป็น Bottom ในเชิงอัตราการทำกำไร และก็หมายความว่าการรวม Deliverr คง Impact กำไรแหละแต่ไม่ได้หนักมาก (เลยเกิดการ Layoff ขึ้น เพื่อลดคชจ.ก่อน?)
14. โดยรวมจะเห็นว่า Shopify เจอศึก 2 ด้าน รายได้ที่เติบโตลดลงอย่างรวดเร็ว และการใช้จ่ายของบริษัทที่ดันโตเร็วสวนรายได้ 2022 น่าจะเป็นปีที่บริษัทสะบักสะบอมพอสมควร
การเติบโตและการแข่งขัน
15. ในมุม Product Shopify ตอนนี้ไปลงทุน Infra ของตัวเองซึ่งก็คือ Fulfilment Network ซึ่งบริษัทประกาศว่าจะลงทุนปีละ 1 Billion ไปเรื่อยๆจนถึงปี 2024
แผนทำ Shopify Fulfillment Network (SFN) ประกาศในปี 2019 ลงทุน 1 Billion ทุกปี เป็นเวลา 4-5 ปี น่าจะเป็น Headwind ในเชิง Margin พอสมควร
16. แต่ในมุมดีผมเชื่อว่าถ้าทำเสร็จ Traffic น่าจะมาจาก Shopping Platform อย่าง Facebook, Instagram, Google เนี่ยแหละ เพราะบริษัทพวกนี้คงไม่อยากไปใช้ของ Amazon รายย่อยก็เริ่มรู้สึกว่า Amazon เอาข้อมูลไปแล้วทำของออกมาขายแข่งก็ไม่ค่อยอยากใช้แล้ว
17. ในมุมการแข่งขันก็ถือว่าเดือด เพราะเข้าไปแข่งกับ Fulfilled by Amazon แบบตรงๆ ซึ่งปัจจุบัน Amazon มี 1130 Fulfillment Center มีแผนจะเพิ่มปีละ 300 ที่ น่าจะใหญ่ที่สุดในโลกแล้วมั้ง
18. อย่างไรก็ตามข่าวดีเบาๆในช่วงครึ่งปีหลังคือการเติบโตของจำนวน Merchant จะสูงกว่าในครึ่งปีแรก+เป็น High season
ดังนั้นน่าจะช่วยเรื่อง Topline Growth ได้บ้าง แต่ถ้านับรวมเรื่อง Localized subscription ซึ่งผมเดาว่า Effect มันน่าจะเป็น Negative ในช่วงต้น … ก็อาจจะเจ๊ากันไประหว่างเรื่องจำนวน Merchant กับค่า Sub ที่ลดลงบางส่วน
19. Shopify “รู้ว่าเสี่ยงแต่คงต้องขอลอง” ว่าในมุมของการทำธุรกิจ ถ้าคุณมีโอกาส 20% ที่จะโต 10 เท่าก็ควรจะลุยฮะ
อยากรู้เรื่อง Shopify เพิ่ม? ขอนำเสนอสิ่งที่น่าสนใจจากทางเพจครับ ^_^
…. งาน Webinar ล่าสุด Mission Critical “Software is Eating the World” เจาะลึกหุ้น Software !
สัมมนาออนไลน์ Trendlongtun Deep Dive Webinar
||||| MISSION CRITICAL – The World of Software |||||
Deep Dive Webinar ที่สองของเพจมาแล้วนะครับ ตอนนี้ไม่ว่าจะทำธุรกิจอะไร มันหนีไม่พ้นต้องใช้ Software และ Cloud จริงๆ
ดังนั้นรอบนี้เป็นการเอาหุ้น Software, SaaS และ Cloud ทั้งหลายมาชำแหละ เปรียบเทียบให้เห็นความแตกต่าง และเจาะลึกกลยุทธ์การเติบโต + ประเมิน Valuation เน้นๆสไตล์บทความเทรนด์ลงทุน Deep Dive ที่ทุกคนกำลังอ่านอยู่นี่ครับ ^_^
1 สัมมนา กับหุ้น Software 28 ตัว !!! ครบจบใน 2 วัน !
The Hyperscaler – AMZN vs MSFT vs GOOGL 3 ตัวนี้จะเน้นไปที่ธุรกิจ Cloud นะครับ
Data Cloud – SNOW vs Databrick (IPO)
Data Infrastructure – CFLT ESTC MDB
Observability & Monitoring Tools – DDOG vs SPLK vs NEWR
Cybersecurity – CRWD vs S และ หุ้น NET vs ZS
Commerce Software – BILL GLBE SHOP BRZE
Metaverse Software – U
DarkHorse Review – UPST
Chinese Software Review – TUYA WEIMOB KINGDEE GLODON FSLY
Legacy Software Review – CRM ADBE
Deep Valuation – SNOW, CFLT, GLBE, DDOG, CRWD
รายละเอียดงานสัมมนา
ช่วงเวลาของสัมมนาเบื้องต้นน่าจะเป็นช่วงเดือนกันยายน หลังงบออกหมดแล้วนะครับ วันและเวลาที่ชัดเจนจะแจ้งอีกครั้งก่อนทำการโอนเงินครับ
สัมมนา 2 วัน ออนไลน์ 100% ช่วงเวลาเป็นวันเสาร์นะครับ มีคลิปให้ดูย้อนหลังได้ 2 ปีครับ
ปีนี้จัดรอบเดียว รับ 50 ท่านครับ รอบต่อไปคือปีหน้าครับ
สไลด์ 500+ หน้า คัดเนื้อๆครับ
เข้ากลุ่ม Exclusive สำหรับ Trendlongtun Deep Dive ใช้ในการสอบถาม Update ข่าว และมีสัมมนา Update หุ้นเทคโนโลยีที่น่าสนใจรายเดือนให้ครับ (สำหรับท่านที่เข้ากลุ่มมาแล้ว จะได้รับเป็นส่วนลด 500 บาทสำหรับงานถัดไปแทนครับ)
สิทธิในการจองสัมมนา Online ประจำปี “เทรนด์ลงทุน 2023 Preview” ก่อน Public ครับ
สำหรับคนลงทะเบียน Early Bird จะได้ราคาพิเศษ 8,200 บาทครับ
COMMENTS